" Japanแฟนไม่มี ... ที่ฮอกไกโด "

อมยิ้ม17 ต้องกล่าวคำว่า こんばんは。(Konbanwa : คอนบังวะ) หรือสวัสดีตอนกลางคืน เพราะว่าผมนั่งปั่นกระทู้นี้ตอน 2 ทุ่มครึ่งครับหลังจากที่ขี้เกียจมาหลายวันครับ  => ช่วงนี้เราก็จะเที่ยวบ่อย เอ้ย!! เจอกันบ่อยหน่อยนะ เพราะว่าเป็นช่วงท้ายปี อีกอย่างวันลามันเหลือ 555 ... [อย่าพูดเยอะ เดี๋ยวจะงานเข้าครับ] ครั้งนี้ถือว่าไปไกลพอสมควรครับ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม เมื่อเพื่อนมาชวนไปฮอกไกโดไหม เราก็ตกลงไปโดยที่ยังไม่ทันคิดเลย ค่าใช้จ่ายเยอะไหม ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เออ เพิ่งมาคิดได้ทีหลัง หลังจากรับปากเพื่อนไปแล้ว ....  แต่ปัญหามันก็มีตามมาเยอะครับ โดยเฉพาะการเตรียมตัว หมดและเจ็บไปเยอะ 555 กว่าจะรู้แนวทาง เรียกได้ว่าผ่านประสบการณ์มาหลายอย่างเลยทีเดียว  เอาเป็นว่าผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังพอสังเขปนะครับ เชื่อว่าหลายคนอยากดูรูปกับข้อมูลบ้างละ ผมไม่รู้ว่ารีวิว 18+ จะสามารถพูดได้ไหม ยังไงก็ลองดูข้อมูลรีวิวที่เที่ยวและอาหารการกิน รวมถึงสอดแทรกทริปเล็กๆน้อยๆ ที่อาจจะมีบางคนรู้แล้ว และบางคนยังไม่รู้ครับ
*** คำเตือน : ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ และใครที่เคยไปแล้วสามารถแนะนำได้ครับ [no drama]


- ฮอกไกโด : Hokkaido เป็นเมืองที่เราเลือกไปกันครับ เพราะเป็นช่วงเข้าฤดูหนาว ใจคืออยากไปสัมผัสหิมะของจริงที่ไม่ใช่ในดรีมเวิลด์ 555 อย่างที่ผมและเพื่อนๆหลายคนคงเคยไปดรีมเวิลด์กันมาแล้ว แต่จะให้เล่าความรู้สึกทั้งหมด ผมเกรงว่าเพื่อนๆอาจจะเบื่อกันก่อน เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะมาเล่าแบ่งปันประสบการณ์และสถานที่เที่ยวในเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นให้เพื่อนๆได้อ่านและดูรูปบ้างนะครับ (สลับๆ) กลัวจะเบื่อซะก่อน


* ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 คนครับ บอกก่อนครับว่าไปกับทัวร์ แต่ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ มันดีมากเลยแหละ แต่อาจจะมีข้อเสียบ้าง ไว้ลองเปรียบเทียบกันดูนะครับ เอาไว้เป็นตัวเลือกอีกทีนึง

เริ่มกันที่วันแรก 29/11/2561
      - ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราเดินทางด้วยสายการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า สโลแกนที่ติดอยู่ในหัวมานาน เที่ยวบินที่ TG670 BKK เวลา 23.50 น. บินตรงไปยังสนามบินชิโตเซะ CTS ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 6.30 ชม. เกือบลืมไปผมนั่ง Economy นะครับ ไม่ใช่ First Class มันแพงครับ 555 แต่ในความที่เป็น Economy ก็ไม่ได้แย่นะครับ เพราะเบาะกว้าง นั่งสบาย มีหนัง ซีรีส์ เพลง ให้ได้ผ่อนคลาย รวมถึงมีอาหารและเครื่องดื่มเสิร์ฟตลอด ไวน์ และ วิสกี้ก็สามารถกินได้นะครับ แต่คนส่วนมากไม่ได้กินครับ เพราะเป็นช่วงเวลานอน




วันที่สอง 30/11/2561
         -  ถึงสนามบินชิโตเซะ CTS เวลาประมาณ 8.00 น. เวลาท้องถิ่น (Local Time) อุณหภูมิ ณ ตอนนั้นประมาณ -5 องศาเซลเซียสครับ



        -   ก่อนอื่นต้องบอกว่า ตลอดทริปที่เราเที่ยวในฮอกไกโดรวมถึงซัปโปโร เราใช้รถบัสตลอดการเดินทางครับ ค่อนข้างสะดวกสบายดีครับ สำหรับที่เที่ยวแรกที่เราไปคือ Noboribetsu Date JiDaimura (โนโบรีเบ็ทซึ ดาเตะ จิไดมูระ) : ที่หมู่บ้านดาเตะ จิไดมูระ เป็นหมู่บ้านจำลองกึ่งสวนสนุกที่จำลองบรรยากาศความเป็นเมืองในสมัยเอโดะ หรือ400ปีก่อนของเมืองญี่ปุ่น ที่นี่มีการแสดงโชว์หลายอย่างแต่ในวันที่เราไปได้ชม 2 อย่างคือ 1. โชว์นินจาที่บ้านนินจาคาสุมิ (Kasumi Ninja) 2. โชว์โออิรัน ที่โรงละครวัฒนธรรมญี่ปุ่น (Japanese Culture Theater) และนอกจากการแสดงแล้ว ยังมีบริการแต่งชุดขุนนาง ชุดนินจา สามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หรือจะแวะร้านค้าชิมของกินก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าชมการแสดงเสร็จแล้ว ถ่ายรูปดีกว่าครับ เพราะมุมสำหรับถ่ายรูปสวยๆ มีเยอะมาก







      -  หลังจากที่ชมการแสดงจากหมู่บ้านนินจาแล้ว เราก็เริ่มหิวข้าวกันละครับ เลยแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้าน Kani Goten : เป็นร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศดี สัญลักษณ์หน้าร้านคือหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่มากครับ สำหรับเมนูแนะนำคือทะเลกระทะร้อน ที่มากับขนาดของกระทะที่ใหญ่ และอาหารทะเลที่สดมาก อาทิ ไข่หอยเชลล์ หอยเชลล์ ปลาหมึก กุ้งลายเสือ ปลาแซลมอน หอยแมลงภู่ หอยเป๋าฮื้อ .... ส่วน BEER เบียร์ ที่กินคือ Asahi แบบ Dry Beer หรือคนญี่ปุ่นจะเรียกว่า Karakuchi คือเบียร์ที่กินแล้วไม่อ้วน (มีน้ำตาลน้อย) รสชาติอาจจะเบาและนิ่มกว่าเบียร์ไทยครับ





      -    เมื่อทุกคนกินอิ่มกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปดูน้องหมีสีน้ำตาลครับ ที่ฟาร์มหมีสีน้ำตาลเราต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปดูหมี ซึ่งตอนนี้มีหมีเหลืออยู่ประมาณ 200 ตัว เป็นหมีพันธุ์ที่หาได้ยากในปัจจุบัน จะพบได้แค่ที่เกาะฮอกไกโด เกาะซาคาริน และเกาะคูรินเท่านั้น โดยอายุของตัวเล็กสุดคือ 2 ขวบ โตสุดก็ 12 ขวบ แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือกิริยาท่าทางอันแสนรู้ของน้องหมีครับ มันชอบทำท่าทางตลกๆ บางตัวก็ฉลาดในการขออาหาร สิ่งที่มันชอบกินคือแอปเปิ้ล









### ในระหว่างที่เรานั่งกระเช้าไปดูน้องหมี ก็สัมผัสได้ถึงความหนาว เลยได้แวะซื้อ Hand Warmer หรือแผ่นที่ช่วยให้อุ่นสามารถถือไว้ที่มือได้ เพื่อเพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย


      -   หลังจากให้อาหารกับหมีสีน้ำตาลแล้ว เราก็เดินทางกันต่อไปยังหุบเขานรกจิโงคุดานิ (Noboribetsu Jigokudani) : โดยชื่อ Jigokunani มาจากชื่อของภูเขาไฟ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่มีความสำคัญกับเมืองนี้มาก เนื่องจากเป็นแหล่งกำเนิดธารน้ำร้อนที่ไหลไปทั่วเมือง จนทำให้เมืองนี้มีสถานที่สำหรับแช่ออนเซ็นเป็นจำนวนมาก




     -   เป็นการเที่ยววันแรกที่คุ้มมากครับ ตอนนี้เวลาประมาณ 4 โมงเย็นฟ้ามืดแล้ว เราก็ได้เดินทางต่อไปยังที่พักชื่อโรงแรม Toya Sun Palace Resort and Spa เป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาวของฮอกไกโดครับ ที่นี่ดีไปหมดทุกอย่างเลย ทั้งห้องพัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวก และที่ชอบที่สุดคือได้แช่ออนเซ็นด้วยครับ ได้แต่งชุดยูกาตะ ลงมาแช่ที่บ่อออนเซ็นท่ามกลางหิมะตก ฟินสุดๆเลยครับ ไม่ต้องให้บรรยายรายละเอียดเนอะ เดี๋ยวจะเห็นภาพ เอ้ย! แบบว่ารู้กันว่าแช่แบบคนญี่ปุ่นน่ะครับ









ปล. ตอนไปแช่ออนเซ็นเค้าห้ามถ่ายรูปครับ 555 ไม่มีรูปมาให้ดูนะ

วันที่สาม 1/12/2561
     ... เช้าวันนี้หิมะตกหนักมาก หลังจากที่พวกเราได้อาบน้ำ เก็บกระเป๋าเพราะจะย้ายไปซัปโปโร และลงมากินข้าวรอเช็คเอาท์ ก็ได้เห็นหิมะตก เลยออกมาถ่ายรูปกัน เป็นหิมะที่สมบูรณ์กว่าเมื่อวานครับ ทั้งที่ตกมาทั้งคืนเต็มถนน และยังตกต่อเนื่องจนถึงเช้า ทำให้ได้ดื่มด่ำกับหิมะกันอย่างสนุกสนานครับ








### ระหว่างทางที่เราเดินทางกันต่อ ก่อนจะไปเที่ยวสถานที่ต่อไปก็จะมารีวิวของกินกันก่อนนะครับไม่ว่าจะเป็นสตาร์บัคส์ วิตามิน ชาเขียว แต่ที่พีคสุดคือตั้งใจซื้อนมสด แต่ได้นมเปรี้ยว คืออ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ภาษาอังกฤษก็ไม่มี 555 แต่เมนูอื่นๆ พอรับไหวครับ ราคาค่อนข้างแพงกว่าบ้านเราหมดเลยครับ








==== เอาจริงๆ เป็นการกินแบบมั่วๆ ลองๆ แหละครับ ถ้าใครมีโอกาสก็ควรได้ลองกินหลายๆอย่างเนอะ รสชาติแล้วแต่คนชอบครับ ====
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่